ร่มสนาม ถูกเรียกออกได้เป็นหลายชื่อ โดยจะมีตั้งแต่ “ร่มชายหาด”, “ร่มแม่ค้า”, “ร่มตลาดนัด”, “ร่มกลางแจ้ง” ฯลฯ ซึ่งชื่อทั้งหมดเหล่านี้ ในบางครั้งจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นร่มคนละชนิด แต่ในความเป็นจริงก็คือผลิตภัณฑ์ร่มสนามเหมือนกันเพียงแต่ว่าเรียกกันคนละแบบ
ก่อนที่จะไปถึงข้อควรรู้ในการเลือกซื้อร่มสนาม ท่านควรเข้าใจถึงส่วนประกอบของร่มก่อน ซึ่งร่มสนามมีส่วนประกอบหลัก ๆ อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ส่วน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น
1.ฐาน/ขาตั้งร่มสนาม
ฐาน/ขาตั้งร่มสนามถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญไม่แพ้กับส่วนอื่น ควรเลือกขาตั้งร่มสนามที่มีความแข็งแรง คงทนต่อแรงลมได้ดี ทำให้ถึงแม้มีลมแรงก็ไม่หวั่น
2.โครงร่มสนาม
โครงร่มสนามเปรียบเสมือนร่างกายของตัวร่ม โดยการพิจารณาเลือกโครงร่มสนามจะต้องพิจารณาจากขนาดของตัวร่ม เพราะขนาดร่มสนามที่ใหญ่ควรต้องใช้โครงไม้ที่แข็งแรงมากอย่างโครงไม้หรือโครงเหล็กโครเมี่ยม ในขณะที่หากเป็นขนาดร่มที่เล็กอาจเลือกใช้เป็นโครงเหล็กชุบขาว Epoxy หรือโครงเหล็กโครเมี่ยมก็ได้เช่นกัน
3.ขนาดร่มสนาม
ขนาดร่มสนามจะมีให้เลือกทั้งหมด 5 ขนาด โดยการเลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ โดยตอนเลือกควรคิดว่าท่านนำมาเพื่อใช้ในงานอะไร และในงานนั้นท่านมีพื้นที่ในการวางร่มอยู่ที่เท่าใด
4.ทรงร่มสนาม
ทรงร่มสนามจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 ทรง โดยแบ่งออกเป็น ทรงสี่เหลี่ยม 4 ช่อง, ทรงสี่เหลี่ยม 8 ช่อง และทรงกลม 8 ช่อง
6 ข้อควรรู้ ก่อนเลือกซื้อร่มสนาม
1.เลือกขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน
ในการเลือกซื้อร่มสนามให้ถูกใจ ถูกจุดประสงค์มากที่สุด สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือการเลือกขนาดของร่มสนาม ซึ่งหลักการในการเลือกขนาดก็คือให้ตรวจสอบพื้นที่ที่ท่านต้องการนำร่มสนามไปใช้ และนำมาเทียบกับความกว้างของร่มสนามตามรูปขนาดของร่มสนาม ซึ่งจะทำให้ตอบโจทย์ที่สุดในแง่ของการเลือกซื้อ
2.เลือกฐาน/ขาตั้งร่มให้เหมาะกับขนาดของร่ม
ฐาน/ขาตั้งร่มสนาม เป็นส่วนที่ควรเลือกให้เหมาะกับตัวของขนาดร่ม โดยสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 7 ประเภท ซึ่งขนาดแพใหญ่จะเป็นที่แนะนำเนื่องจากสามารถใช้งานได้กับร่มสนามทุกขนาด และมีความคงทนแข็งแรงสูง แต่หากต้องการเลือกใช้เป็นขาตั้ง 4 ขาพับได้ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย จะต้องเลือกใช้งานควบคู่กับร่มสนามขนาดเล็ก-กลาง (ร่มสนามขนาด 36-40-45 นิ้ว)
3.ศึกษาเรื่องตำแหน่งการสกรีนร่มสนาม
ร่มสนามจะมีทั้งหมด 3 ทรง โดยสามารถแบ่งได้เป็นทรงสี่เหลี่ยม 4 ช่อง, ทรงสี่เหลี่ยม 8 ช่อง และทรงกลม 8 ช่อง ซึ่งหากมองผิวเผินอาจจะมองได้ว่าร่มสนามแบบ 4 ช่องก็จะสามารถสกรีนได้ 4 ช่อง และร่มสนามทรง 8 ช่องก็จะสกรีนได้ 8 ช่อง แต่ในความเป็นจริงร่มสนามจะมีส่วนของชายร่มเพิ่มขึ้นมาทำให้สามารถมีช่องที่สกรีนเพิ่มเติมได้อีกอย่างละช่อง ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการที่จะสกรีนมากขึ้นกว่าเดิม
4.เลือกเนื้อผ้าที่เหมาะกับโอกาสในการใช้ให้เหมาะสม
เนื้อผ้าของร่มสนามแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือเนื้อผ้าประเภทคูนิล่อน และผ้าประเภทอ็อกฟอร์ด ซึ่งเนื้อผ้าแต่ละชนิดก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น
ผ้าอ็อกฟอร์ด | ผ้าคูนิล่อน |
ลักษณะหยาบ ผิวนุ่ม | ลักษณะลื่น มันเงา |
กันแดด กันฝนได้ดี | กันแดด กันฝนได้ดี |
ให้อารมณ์หรูหราเหมาะกับการกางตาม Event หรือร้านอาหาร/กาแฟที่ต้องการความเรียบ | ให้อารมณ์สนุกสนาน เหมาะกับการกางตามตลาดหรือชายหาด |
น้ำหนักเบากว่าคูนิล่อน | น้ำหนักมากกว่าอ็อกฟอร์ด |
ในแง่ของการใช้งาน เนื้อผ้าทั้ง 2 ชนิด สามารถคงทนต่อทั้งแดดและฝนได้เป็นอย่างดี แต่มีปัจจัยในการเลือกอื่น ๆ ที่ควรประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม ดังนั้นลูกค้าอาจต้องชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของเนื้อผ้าแต่ละชนิดเพื่อให้ได้เนื้อผ้าที่ตอบโจทย์มากที่สุด
5.เลือกซื้อจากโรงงานผลิตร่มสนามที่มีมาตรฐาน
เนื่องจากในปัจจุบันได้มีโรงงานที่รับผลิตร่มสนาม เปิดตัวขึ้นมาเยอะ ซึ่งก็มีทั้งโรงงานที่มีคุณภาพและคุณภาพต่ำ ทำให้เวลาตัดสินใจในการเลือกซื้อ ควรต้องมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโรงงานผลิตร่ม โดยตรวจสอบได้จากการตัวอย่างผลงานร่มสนามของงานก่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการไว้วางใจจากบริษัทใหญ่ ๆ ก็ยิ่งเป็นตัวที่จะเพิ่มเครดิตให้กับโรงงานผลิตนั้น ๆ
6.เลือกซื้อร่มสนามที่มีความคงทนต่อแดดและลมฝนสูง
ร่มสนามที่ดีควรจะเป็นร่มสนามที่สามารถทนแดดทนฝนได้ดี มีเนื้อผ้าที่คงทน สามารถอยู่ได้นานอย่างต่ำ 2-3 ปี เพื่อความคุ้มค่าของผู้ซื้อ